การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง ยุคแรก งานป้องกันและระงับอัคคีภัยสำหรับประเทศไทย ได้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กล่าวคือ ในรัชสมัยพระราชาธิราช ประมาณ พ. ศ. 2057 – 2071 ได้จัดให้มีหมู่เวรยามรักษาการณ์ระวังภัย มีทั้งการสอดแนมระวังผู้ที่มารุกราน การก่อวินาศกรรม และวางเพลิงเผาเมือง ประจักษ์พยานที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือ การตั้งหอกลอง ขึ้นภายในกำแพงพระนคร สูงประมาณ 1 เส้น หอกลองที่สร้างขึ้นในสมัยนั้น มีอยู่ 3 ชนิด คือ 1. กองมหาฤกษ์ ใช้ตีเมื่อเวลามีข้าศึกหรือเกิดจลาจล มีขบถขึ้นกลางเมือง 2. กลองพระมหาระงับดับเพลิง ใช้ตีเมื่อเวลาไฟไหม้ในกำแพงเมืองให้ตี 3 รา ไหม้นอกกำแพงเมืองพนักงานจะตีกลองเป็นจังหวะสม่ำเสมอไปจนกว่าไฟจะดับ 3. กลองพระทีพาราตรี ใช้ตีบอกเวลาย่ำรุ่งและย่ำค่ำ กลองทั้ง 3 ชนิดนี้ ในสมัยรัตนโกสินทร์ ได้เปลี่ยนเสียใหม่เป็นกลองนำพระสุริยศรี กลองอัคคีพินาศ และกลองพิฆาตไพรี ยุคที่สอง ต่อ มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้เลิกใช้กลองทั้ง 3 ชนิดข้างต้น และทรงห่วงใยไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินในการป้องกันอัคคีภัย พระองค์ยังได้เล็งเห็นการณ์ไกลด้านผจญเพลิง เพื่อจะได้มีเครื่องมือทันสมัยเทียบอารยประเทศ ได้ปรับปรุงและทรงตราพระราชบัญญัติการดับเพลิงใหม่ ในปี ร.
มีความพร้อมไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งวันใด โดยพร้อมทั้งการบริหารและกฎหมาย กรณีการเลือกตั้งแบบใหม่ ที่ให้มี 400 เขต และบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ได้เตรียมความพร้อมไว้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายใช้บังคับ จึงมีแต่การหาข้อมูล โดยได้แจ้งไปยัง กกต. จังหวัดให้หาข้อมูล และยังไม่ได้แบ่งเขตใดๆ ทั้งสิ้น นายแสวง ชี้แจงด้วยว่า ส่วนการเลือกตั้ง กทม. นั้น กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศประชากร เมื่อวันที่ 7 มกราคม ดังนั้น กกต. ต้องแบ่งเขตใหม่ อย่างไรก็ตามจะทำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ขณะที่การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และ นายกฯเมืองพัทยา เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่ง กกต. จะประสานต่อไป.