พิบูลสงคราม แต่เราก็ไม่อาจจะสรุปลงไปอย่างชัดเจนได้เลยว่า แล้วไง? ทำไมต้องตัดผมทรงนี้ด้วยอะยูว์? บางเหตุผลระบุว่า เป็นเพราะเหาระบาดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านผู้นำแปลก พิบูลสงคราม ก็เลยไม่อยากให้เหาไประบาดในโรงเรียนของเด็กๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ตอนนี้ก็ไม่มีเหาระบาดแล้วนี่เนอะ เรื่องมันผ่านมาเฉียดๆ จะ 80 ปียู่รอมร่อแล้ว จากทรงผมหนีเหา ทำไมถึงกลายเป็นระเบียบอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้เก็บเป็นแต้มบุญไปแลกเป็นคะแนนจิตพิสัยได้อย่างทุกวันนี้มันเสียอย่างนั้น? คำอธิบายที่น่าสนใจยิ่งกว่าจึงมาจากการที่ท่านผู้นำแปลกคนดี และคนเดิม ไปเอาทรงผมเกรียนนี่ มาพร้อมๆ กับเครื่องแบบของทหารญี่ปุ่น แล้วจับยัดให้เป็นเครื่องแบบนักเรียนของไทย เพื่อกล่อมเกลาให้เด็กๆ มีจิตใจแบบทหาร แน่นอนว่า ท่านผู้นำก็เป็นทหารนะครับ แถมยังเป็นทหารยศสูงระดับ 'จอมพล' ที่กุมอำนาจทั้งกองทัพเอาไว้ใต้รองเท้าบูทของท่าน ซ้ำร้ายในยุคสมัยนั้นยังเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กับสงครามโลกครั้งที่ 2 กลิ่นตุๆ ที่กำลังเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาของสงครามโลกครั้งที่ 2 (ซึ่งเริ่มวอร์กันเมื่อ พ. ศ. 2482) นี่แหละทำให้รัฐสยาม (ที่จะต่อเนื่องมาเป็นประเทศไทยในสมัยจอมพล ป. )
หมวกแก๊บทรงหม้อตาลสีเทามีกระบังหน้าหนังดำ มีปลอกสีขาวหรือสีเทา(เป็นหมวกสีขาวหรือสีเทา-ผู้เขียน) หน้าหมวกเป็นตราประทุมอุณาโลม (ตราขนาดเล็กเป็นโครงคล้ายดอกบัวตูมด้านในมีอุณาโลม) ๓. หมวกกันแดดสีขาว (เข้าใจว่าเป็นหมวกคล้ายหมวกกะโล่)มีตราประทุมอุณาโลมสายรัดคางสีเหลือง มีเสื้อ ๓ ประเภท ๑. เสื้อทูนิกสีเทาคอพับถ้าเป็นชั้นนายพัน มีแถบทองกว้าง ๑ ซม. ทาบคลางคอเสื้อ มีกระเป๋าหลัง กระเป๋าข้าง มีเส้นลวดขั้นริมอกและปากกระเป๋า และข้อมือ ๒. เสื้อสีเทารูปราชปะแตนท์คอพับหรือเสื้อทรงกระสอบคอพับ ๓. เสื้อสีขาวรูปราชปะแตนท์ มีอินทธรนู ๒ แบบ ด้วยกันครับคือ ๑. พลรบ เป็นอินทรธนูประดับยาวตามแนวบ่ากว้าง ๕ ซม. ด้านคอเป็นสามเหลี่ยม (อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นสามเหลี่ยม แหลมๆนะครับ เป็นสามเหลี่ยม เหมือน อินทรธนูของตำรวจในปัจจุบันครับ) บ่ามีสีพื้นตามสังกัด ๒. ผู้ช่วยพลรบ เป็นแผ่นผ้ายาว ๑๒ ซม. หัวท้ายเป็นสามเหลี่ยมหุ้มผ้าตามสังกัด ติดตามขวางบ่า (เข้าใจว่าติดคล้ายกับชุดเต็มยศของทหารสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน) ใต้ภาพเขียน เขียนว่าปี ๒๔๔๙ ซึ่งผมคิดว่า เครื่องแบบไม่น่าจะต่างจากใน พรก. ฉบับ รศ. ๑๒๗ นี้มากนัก เพราะในบทนำของพรก. ในให้เหตุผลในการตราว่า เพื่อเป็นการลดทอนชุดลงเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายครับ ในข้อสังเกตของผมคือ พรก.
'สายน้ำ' นักกิจกรรมรุ่นใหม่ ถูกเจ้าหน้าที่ บก. ปอท. นำหมายศาลขอตรวจค้นบ้าน และดูดข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ อ้างว่าเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก 'ทะลุวัง' สืบเนื่องจากวันนี้ (24 ก. พ. ) ตะวัน นักกิจกรรมการเมือง โพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก เมื่อเวลา 8. 25 น. เผยว่า วันนี้มีสายน้ำ ถูกตำรวจ นำหมายค้นจาก บก. บุกค้นบ้าน 24 ก. 2565 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเมื่อ 24 ก. 65 ระบุว่า "สายน้ำ" เยาวชนอายุ 17 ปี นักกิจกรรม และผู้อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 และคดีจากการชุมนุมทางการเมือง ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก. ) สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. สามเสน สน. ปทุมวัน และสันติบาล รวมกว่า 30 นาย นำหมายค้นและยึดสิ่งของมาแสดงหน้าบ้าน เพื่อขอตรวจและยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมนำคำสั่งจากศาลอาญา อนุญาตให้เข้าถึงและทำสำเนาข้อมูลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของสายน้ำ อ้างเพียงว่ามีประชาชนมาแจ้งความว่าเขาเป็นแอดมินเพจทะลุวัง ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุถึงรายละเอียดของหมายค้นว่า ตำรวจแสดงคำสั่งอนุญาตของศาลอาญา ให้เข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ตามมาตรา 18 พ.
ภาพทหารอยู่ร่วมเฟรมเดียวกันกับนักเรียนระดับชั้น ป. 3 ป. 4 ของโรงเรียนสาธิตฯ ชื่อดังแห่งหนึ่ง ดูจะไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ เพราะยังไง้ยังไงใครต่อใครก็คงนึกไม่ค่อยจะออกว่า ทำไมทหารต้องไปยืนคุมแถวเด็กประถมด้วย? แต่เดี๋ยวก่อน! ก่อนที่จะมโนถึงเหตุผลกันเองไปจนไกล เราลองมาฟังปากคำของผู้มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงต่อกรณีนี้กันก่อนนะครับ ท่านคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ก็ มศว ไม่มีจุด นั่นแหละ! ) ได้ชี้แจงถึงกรณีที่มีพี่ๆ ทหารมายืนคุมแถวของน้องๆ นักเรียนในครั้งนี้เอาไว้ว่า "รร.