ชาร์จทุกครั้ง 3-4 ชม. ก็พอ ไม่จำเป็นต้องข้ามคืน ไม่ควรปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง ถึงไม่ได้ใช้งานก็ควรหมั่น ชาร์จไฟ ไม่ปล่อยให้แบตหมด
กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต สลายตัวได้ค่อนข้างเร็ว จึงไม่ตกค้างในสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการกระตุ้นปลายประสาทอย่างรุนแรงและเสียชีวิตได้ง่าย อาการอื่นที่พบ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน น้ำตาไหล เหงื่อออก ม่านตาหด กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะไม่ได้ การเกร็งของหลอดลม 3. กลุ่มไพรีทรอยด์ส เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบจากธรรมชาติ การใช้อย่างเจือจางทำให้ไม่มีฤทธิ์สะสมในร่างกาย จึงเกิดพิษต่อคนและสัตว์น้อยมาก 4. สารกำจัดศัตรูพืชประเภทวัชพืช (Herbicides) สารกลุ่มนี้ดูดซึมทางผิวหนังได้ดี โดยเฉพาะถ้ามีบาดแผล มักมีผลต่อตับ ปอด อาจมีเลือดออกในทางเดินอาหาร 5. สารกำจัดหนูและสัตว์กัดแทะ ส่วนใหญ่เป็นสารกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Wafarin หยุดยั้งการสร้างวิตามิน เค ทำให้เลือดออกตามผิวหนัง และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เม็ดเลือดขาวต่ำ ลมพิษ และ 6. สารกำจัดเชื้อรา ซึ่งมีใช้กันอยู่มากมาย บางชนิดมีพิษน้อย บางชนิดมีพิษมาก "ประชาชนที่จำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถป้องกันอันตรายได้ ดังนี้ 1. อ่านฉลากให้เข้าใจเกี่ยวกับวิธีใช้ การป้องกันอันตรายและวิธีแก้พิษ 2. ผสมสารเคมีให้ถูกต้องตามอัตราส่วนที่ระบุในฉลากและเตรียมน้ำสะอาดไว้ล้างกรณีกระเด็นเข้าตาหรือหก 3.
1 เปอร์เซ็นต์ (เช่น น้ำยาฟอกขาวความเข้มข้น 1, 000 ppm) แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 0. 5 เปอร์เซ็นต์ 3. การฉีดพ่นในอาคารหรือพื้นที่ปิด สามารถเป็นทางเลือกในการดำเนินการได้ แต่หากจะใช้ต้องใช้อย่างถูกวิธีตามขั้นตอนและตรวจสอบชนิดสารที่มีฉลากของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยารับรอง โดยเข้าไปที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สามารถค้นหาได้ด้วยเลข อย. หรือชื่อผลิตภัณฑ์ สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อคือชนิดสารเคมีที่ใช้ระยะเวลาการฆ่าเชื้อ (contact time) และความสะอาดของพื้นผิว ซึ่งสารฆ่าเชื้อจะออกฤทธิ์ได้ดีนั้น ต้องทำความสะอาดพื้นผิวก่อน อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมที่ช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ได้ดีคือการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ" อธิบดีกรมอนามัย กล่าว ที่มา: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข